แกงกะทิผักพูม
ผักพูม เป็นไม้ยืนต้น แต่เท่าที่เห็นมาต้นจะไม่สูงมาก เพราะคนที่ไปเก็บยอดมักจะตัดแต่งต้นไม่ให้ขึ้นสูง ซึ่งจะเป็นการยากในการเก็บยอด
บางคนเข้าใจว่าผักพูมคือ "หมากหมก" (แถวๆ จ.นครศรีฯ) , บางคนก็ว่าผักพูมคือ "ผักหวานป่า" (ภาษาบางกอก)
ผมลองใช้ Google ค้นหาทั้ง "ผักพูม" , "หมากหมก" และ "ผักหวานป่า" ดูแล้วมีส่วนต่างกันมากทั้งต้น ใบ และผล
ต้นผักพูมที่พบจะเติบโตอยู่ในป่าธรรมชาติ เท่าที่เห็นมา แถว ๆ อ.ไชยา - อ.ท่าชนะ ของ จ.สุราษฎร์ธานี
เริ่มต้นโดยการไปหาผักพูม จากในป่า
ลูกเสือพร้อมไม้กระบองและรองเท้าบูท เตรียมลุยป่า(ด้านหลัง)
![](pukpoom_01.JPG)
หลังจากเข้าป่าไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ไม้กระบองก็หายไปจากมือซ่ะแล้ว แต่ได้ผักพูมมาครึ่งถุง
![](pukpoom_02.JPG)
ผักพูมที่ได้มาจากป่า เก็บมาเฉพาะยอดอ่อนกับยอด "เพ-หลาด" (ไม่อ่อน-ไม่แก่)
![](pukpoom_03.JPG)
นำใบผักพูมที่ได้มาล้างให้สะอาด
![](pukpoom_04.JPG)
เด็ดเอาเฉพาะใบมามัดกันเป็นกำ ให้ยอดอ่อนอยู่ด้านในแล้วเอาใบเพ-หลาดห่อด้านนอก แล้วมัดด้วยใบตะไคร้
(คุณย่าบอกว่าการมัดด้วยใบตะไคร้จะได้กลิ่นหอมกว่าสิ่งอื่น)
![](pukpoom_05.JPG)
จากนั้นเอามาต้มกับน้ำกะทิ (หางกะทิ)
![](pukpoom_06.JPG)
ใส่เกลือเกง (บังเอิญแฟลชจากกล้องถ่ายรูปแรงเกินไปจนเกลือดูขาวโพลนเลย)
![](pukpoom_07.JPG)
ตามด้วยกะปิ
![](pukpoom_08.JPG)
ตั้งไฟต้มจนเดือด (ปิดฝาหม้อซ่ะด้วยนะ)
![](pukpoom_09.JPG)
ระหว่างรอ เอาน้ำกะทิ (หัวกะทิ) มาหั่นหัวหอมใส่ลงไปหนึ่งหัว
![](pukpoom_10.JPG)
เปิดฝาดูอีกรอบ ว่าใบผักพูมสุกแล้วหรือยัง
![](pukpoom_11.JPG)
เมื่อใบผักพูมสุกแล้ว ก็ใส่น้ำตาลทรายลงไป
![](pukpoom_12.JPG)
แล้วตามด้วยหัวกะทิ (ที่ซอยหัวหอมใส่ลงไป) คุณย่าบอกว่าการใส่หัวกะทิลงไปทีหลังจะทำให้รสชาติหวานกว่า
![](pukpoom_13.JPG)
ทิ้งไว้บนไฟสักพัก แล้วลองชิมดูว่าขาดรสชาตอะไรบ้าง เติมปรุงลงไปจนอร่อย เสร็จแล้วเอาลงจากไฟ รอจนอุ่น ๆ
![](pukpoom_14.JPG)
ตักใส่ถ้วยทั้งมัดแล้วแกะใบตะไคร้ออกไป ทีนี้ก็พร้อมที่จะรับประทานแล้วครับ
![](pukpoom_15.JPG)
ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ....
![](pukpoom_16.JPG)
![](../logo_www.thamnong.gif)